08.14 คำสารภาพในวันที่ขาดยา
วันนี้เปิดเทอมวันแรก
แค่วันแรก
ก็อยากตายซะแล้ว
1. (อันนี้เบาๆ) จับงานกลุ่มอีกแล้ว แล้วท่าทางจะหนีคนที่ไม่อยากทำงานด้วยไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษนะทุกคน..
2. (ปานกลาง) สตูดิโอเซค 6 อุดมไปด้วยคนเก่ง จูเนียร์ พลอย กวาง
3. (มาก) อ.ประจำเซคคืออ.ชั*บูรณ์ 1ใน2คนที่ขึ้นชื่อเรื่องตรวจดุในบรรดา9คนของปีสาม
แล้วเราที่ห่วยแตกมากๆจะไม่โดนเปรียบเทียบได้ยังไงวะ
วันนี้มีquestionaireเช็คแบ็คกราวน์ของนิสิตแต่ละคนด้วย ถึงแม้คนนเซคเราจะหายไปเกือบครึ่งเพราะไปช่วยเวิร์กพอยต์ถ่ายทำรายการ แต่ก็กลายเป็นว่ามีแค่เราคนเดียวที่ตอบจะไม่ทำเต็ค
โห วัดกันได้เลยนะคะจากแรงใจและpassion
จริงๆมีการถามถึงสถาปนิกที่ชอบด้วย ซึ่ง เราก็ ฮ่าฮ่า พบว่าไม่ตื่นเต้นกับงานของใครอีกต่อไปแล้วล่ะนะ
นี่ก็ร้องไห้แต่เช้าแล้ว พอประกาศอาจารย์ประจำเซคก็ร้องไห้อีก (ดีนะ อ.ป่วยเลยไม่ต้องเจอเลยทันที)
ฉันคิดแล้วคิดอีกจริงๆนะ
ว่าของที่ทำได้ไม่ดีแถมไม่ค่อยชอบจะทำต่อไปทำไม ไม่ได้อะไรนอกจากขยับขั้นของชีวิตขึ้นไปอีกขั้นเฉยๆ TTT - TTT อยากซิ่วแต่คิดด้วยเหตุผลดีๆแล้วก็รู้สึกว่าไม่คุ้มเท่าไรนัก ค่าติววิชาต่างๆและการติดตามสนามสอบใหม่ก็จะเบียดเวลาทำงานแน่นอน
.
.
.
วันนี้ระหว่างทางกลับบ้านก็กลั้นร้องไห้ตลอด ตั้งแต่รถป๊อปออก รถป๊อปจอดข้างสยามกิตต์ จนรถป๊อปจอดหน้าแยกเฉลิมเผ่า
ปกติมันก็จะเป็นช่วงเวลาในการคิดว่า "เอ เย็นนี้กินอะไรดีนะ?" แต่ความคิดตอนนั้นกลับเป็น "เอาเงินไปซื้อข้าวกินพอเป็นพิธีหรือเอาไปซื้อยานอนหลับแล้วไปสบายคืนนี้เลยดีนะ"
สารภาพข้อที่ 1 ) การคิดจินตนาการว่าตัวเองจะได้ตาย ทำให้หัวใจเต้นระรัวราวกับเจอเรื่องตื่นเต้นด้วยความสนุกเลยค่ะ
วันนี้คิดตั้งแต่เช้าแล้วด้วยซ้ำ(ทั้งติดตลกด้วยความสงสัยด้วย ด้วยความคิดสีดำขมุกขมัวในหัวนี้ด้วย)ว่า[คนเราผูกคอได้ยังไง ใช้อะไรยึดเชือกให้อยู่กับเพดานได้?] เพราะบ้านพักอาศัยมันก็ไม่ค่อยมีคนทำคานให้เห็นชัดๆ ไม่ก็คานลอยอยู่แล้วอะ ยึดติดกับฝ้านี่ทำไงอะ เจาะสกรูแล้วห้อยแบบห้อยฝ้าทีบาร์อะไรงี้หรอ ลงทุนจังเลยนะ
มีคำถามถึงวิธีการฆ่าตัวตายหรือหนทางการหลับสบายอยู่เรื่อยๆ
.
สุดท้ายก็เลือกไปกินข้าวพอเป็นพิธี แม้จะหยุดยืนอ่านยาและชั่งใจอยู่หน้าร้านขายยาทุกครั้งที่เดินผ่าน
.
อือ ร้องไห้ตลอดวันจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ด้วยความที่เป็นคนฟอร์มจัดก็ได้แต่ร้องเงียบๆหรือไม่ก็ได้แค่ให้น้ำตาผล็อกออกมาจากหัวตาแล้วตีหน้านิ่งทันที
จริงๆตอนเวียนหัวขึ้นบีทีเอส จู่ๆก็มีจังหวะที่hyperventilateมากๆแล้วเกือบพุ่งจากชานพักบันไดทะลุราวกันตกลงไปข้างล่างด้วย ถ้าไม่ดันได้ยินเสียงตัวเองhyperventilateก็น่าจะร่วงลงไปแล้ว
ตอนพราวทักมาถาม(คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเราโพสต์อยากตายในเฟซ)ก็ยังมีบอกเลยว่ายังสนุกกับมันอยู่ //Hey girl, I don't feel any enjoyment from these things anymore, I'm sorry
โดนยิงคำถามนี้อีกทีตอนขากลับที่ขึ้นรถพ่อมาอีกทอด "ยังรู้สึกสนุกกับการทำโปรเจ็คต์อยู่มั้ย"ก็ได้แต่น้ำตาไหลพรากๆ (ร้องไห้เงียบๆมาตั้งแต่ขึ้นรถแล้วแหละ) ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ แต่หนูไม่สนุกแล้ว คือ คือสนุกแบบติดลมอะยังมีอยู่บ้าง แต่ แต่ ผ่านมา3.5โปรเจคอันขมเฝื่อนแล้วมัน..
ขนาดโปรเจคที่หนูชอบและรู้สึกสนุกกับมันยังได้แค่C+อันเป็นคะแนนที่ประณีประนอมสำหรับเด็กที่ดูตั้งใจทำขึ้นมาหน่อยแล้วอะ โอ๊ย
จริงๆก็กะว่าจะกลับมาเขียนจดหมายลาตาย ถึงขั้นวางบทว่าจะโทรไปหารุ่นพี่ยังไงแบบ "แค่อยากฟังเสียงก่อนจะหลับยาวๆค่ะ" แต่ตอนกลับมาถึงห้องแล้วก็ขย้อนอาหารเย็นที่พยายามกินอย่างเป็นพิธีออกหมดและก็เอนตัวลงกับเตียงพักนิดหน่อย เลื่อนๆไอแพดจิ้มแกงไปตามอิริยาบถที่คุ้นชินอย่างชีวิตประจำวันตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
พออยู่ท่ามกลางของที่ตัวเองชอบแล้วก็พอจะมีความสุขและอยากอยู่ต่ออีกสักพักใหญ่ๆแหละนะ
แต่ว่า *กลับไปสักประเด็นที่พูดมาตลอด* ใช้ชีวิตที่มี role ให้ fulfill ไม่ได้เรื่อง! ไม่ได้ชอบมัน เป้าหมายก็ไม่มี แบบนี้มันไม่โอเคปะ ของที่จะเหนี่ยวรั้งให้ยังอยากตื่นมาพรุ่งนี้นั้น นอกจากความอยากเจอสิ่งที่ชอบต่อไปเรื่อยๆก็แทบจะไม่มีแล้ว, เอาสิ แค่ของที่มีอยู่ยังเทียบน้ำหนักกันไม่ได้เลย
มูลค่าที่ใช้เหมือนซื้อต่อชีวิตเรา(ให้ใช้มันด้วยเจตจำนง)มันมีมาเยอะมากๆ ทั้งยา ทั้งค่าหมอ ทั้งของกินที่อร่อย ทั้งไอแพด ทั้งเกม ทั้งps4, ทั้งๆที่มันเยอะขนาดนี้อะ ทั้งปริมาณ ทั้งคุณภาพ ทั้งจำนวนสิ่ง จำนวนครั้งและความถี่
ทำไม
ทำไมมันยังไม่พออีก
ทำไมเรายังทำหน้าที่ได้ไม่ดี ทำไมเราถึงยังไม่ยอมรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองแค่นี้ได้อีก
ไม่อยากกลั่นความคิดตัวเองเป็นคำพูดมาเยอะกว่านี้ ไม่อยากร้องไห้มีเสียง
แค่วันแรก
ก็อยากตายซะแล้ว
1. (อันนี้เบาๆ) จับงานกลุ่มอีกแล้ว แล้วท่าทางจะหนีคนที่ไม่อยากทำงานด้วยไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษนะทุกคน..
2. (ปานกลาง) สตูดิโอเซค 6 อุดมไปด้วยคนเก่ง จูเนียร์ พลอย กวาง
3. (มาก) อ.ประจำเซคคืออ.ชั*บูรณ์ 1ใน2คนที่ขึ้นชื่อเรื่องตรวจดุในบรรดา9คนของปีสาม
แล้วเราที่ห่วยแตกมากๆจะไม่โดนเปรียบเทียบได้ยังไงวะ
วันนี้มีquestionaireเช็คแบ็คกราวน์ของนิสิตแต่ละคนด้วย ถึงแม้คนนเซคเราจะหายไปเกือบครึ่งเพราะไปช่วยเวิร์กพอยต์ถ่ายทำรายการ แต่ก็กลายเป็นว่ามีแค่เราคนเดียวที่ตอบจะไม่ทำเต็ค
โห วัดกันได้เลยนะคะจากแรงใจและpassion
จริงๆมีการถามถึงสถาปนิกที่ชอบด้วย ซึ่ง เราก็ ฮ่าฮ่า พบว่าไม่ตื่นเต้นกับงานของใครอีกต่อไปแล้วล่ะนะ
นี่ก็ร้องไห้แต่เช้าแล้ว พอประกาศอาจารย์ประจำเซคก็ร้องไห้อีก (ดีนะ อ.ป่วยเลยไม่ต้องเจอเลยทันที)
ฉันคิดแล้วคิดอีกจริงๆนะ
ว่าของที่ทำได้ไม่ดีแถมไม่ค่อยชอบจะทำต่อไปทำไม ไม่ได้อะไรนอกจากขยับขั้นของชีวิตขึ้นไปอีกขั้นเฉยๆ TTT - TTT อยากซิ่วแต่คิดด้วยเหตุผลดีๆแล้วก็รู้สึกว่าไม่คุ้มเท่าไรนัก ค่าติววิชาต่างๆและการติดตามสนามสอบใหม่ก็จะเบียดเวลาทำงานแน่นอน
.
.
.
วันนี้ระหว่างทางกลับบ้านก็กลั้นร้องไห้ตลอด ตั้งแต่รถป๊อปออก รถป๊อปจอดข้างสยามกิตต์ จนรถป๊อปจอดหน้าแยกเฉลิมเผ่า
ปกติมันก็จะเป็นช่วงเวลาในการคิดว่า "เอ เย็นนี้กินอะไรดีนะ?" แต่ความคิดตอนนั้นกลับเป็น "เอาเงินไปซื้อข้าวกินพอเป็นพิธีหรือเอาไปซื้อยานอนหลับแล้วไปสบายคืนนี้เลยดีนะ"
สารภาพข้อที่ 1 ) การคิดจินตนาการว่าตัวเองจะได้ตาย ทำให้หัวใจเต้นระรัวราวกับเจอเรื่องตื่นเต้นด้วยความสนุกเลยค่ะ
วันนี้คิดตั้งแต่เช้าแล้วด้วยซ้ำ(ทั้งติดตลกด้วยความสงสัยด้วย ด้วยความคิดสีดำขมุกขมัวในหัวนี้ด้วย)ว่า[คนเราผูกคอได้ยังไง ใช้อะไรยึดเชือกให้อยู่กับเพดานได้?] เพราะบ้านพักอาศัยมันก็ไม่ค่อยมีคนทำคานให้เห็นชัดๆ ไม่ก็คานลอยอยู่แล้วอะ ยึดติดกับฝ้านี่ทำไงอะ เจาะสกรูแล้วห้อยแบบห้อยฝ้าทีบาร์อะไรงี้หรอ ลงทุนจังเลยนะ
มีคำถามถึงวิธีการฆ่าตัวตายหรือหนทางการหลับสบายอยู่เรื่อยๆ
.
สุดท้ายก็เลือกไปกินข้าวพอเป็นพิธี แม้จะหยุดยืนอ่านยาและชั่งใจอยู่หน้าร้านขายยาทุกครั้งที่เดินผ่าน
.
อือ ร้องไห้ตลอดวันจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ด้วยความที่เป็นคนฟอร์มจัดก็ได้แต่ร้องเงียบๆหรือไม่ก็ได้แค่ให้น้ำตาผล็อกออกมาจากหัวตาแล้วตีหน้านิ่งทันที
จริงๆตอนเวียนหัวขึ้นบีทีเอส จู่ๆก็มีจังหวะที่hyperventilateมากๆแล้วเกือบพุ่งจากชานพักบันไดทะลุราวกันตกลงไปข้างล่างด้วย ถ้าไม่ดันได้ยินเสียงตัวเองhyperventilateก็น่าจะร่วงลงไปแล้ว
ตอนพราวทักมาถาม(คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเราโพสต์อยากตายในเฟซ)ก็ยังมีบอกเลยว่ายังสนุกกับมันอยู่ //Hey girl, I don't feel any enjoyment from these things anymore, I'm sorry
โดนยิงคำถามนี้อีกทีตอนขากลับที่ขึ้นรถพ่อมาอีกทอด "ยังรู้สึกสนุกกับการทำโปรเจ็คต์อยู่มั้ย"ก็ได้แต่น้ำตาไหลพรากๆ (ร้องไห้เงียบๆมาตั้งแต่ขึ้นรถแล้วแหละ) ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ แต่หนูไม่สนุกแล้ว คือ คือสนุกแบบติดลมอะยังมีอยู่บ้าง แต่ แต่ ผ่านมา3.5โปรเจคอันขมเฝื่อนแล้วมัน..
ขนาดโปรเจคที่หนูชอบและรู้สึกสนุกกับมันยังได้แค่C+อันเป็นคะแนนที่ประณีประนอมสำหรับเด็กที่ดูตั้งใจทำขึ้นมาหน่อยแล้วอะ โอ๊ย
จริงๆก็กะว่าจะกลับมาเขียนจดหมายลาตาย ถึงขั้นวางบทว่าจะโทรไปหารุ่นพี่ยังไงแบบ "แค่อยากฟังเสียงก่อนจะหลับยาวๆค่ะ" แต่ตอนกลับมาถึงห้องแล้วก็ขย้อนอาหารเย็นที่พยายามกินอย่างเป็นพิธีออกหมดและก็เอนตัวลงกับเตียงพักนิดหน่อย เลื่อนๆไอแพดจิ้มแกงไปตามอิริยาบถที่คุ้นชินอย่างชีวิตประจำวันตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
พออยู่ท่ามกลางของที่ตัวเองชอบแล้วก็พอจะมีความสุขและอยากอยู่ต่ออีกสักพักใหญ่ๆแหละนะ
แต่ว่า *กลับไปสักประเด็นที่พูดมาตลอด* ใช้ชีวิตที่มี role ให้ fulfill ไม่ได้เรื่อง! ไม่ได้ชอบมัน เป้าหมายก็ไม่มี แบบนี้มันไม่โอเคปะ ของที่จะเหนี่ยวรั้งให้ยังอยากตื่นมาพรุ่งนี้นั้น นอกจากความอยากเจอสิ่งที่ชอบต่อไปเรื่อยๆก็แทบจะไม่มีแล้ว, เอาสิ แค่ของที่มีอยู่ยังเทียบน้ำหนักกันไม่ได้เลย
มูลค่าที่ใช้เหมือนซื้อต่อชีวิตเรา(ให้ใช้มันด้วยเจตจำนง)มันมีมาเยอะมากๆ ทั้งยา ทั้งค่าหมอ ทั้งของกินที่อร่อย ทั้งไอแพด ทั้งเกม ทั้งps4, ทั้งๆที่มันเยอะขนาดนี้อะ ทั้งปริมาณ ทั้งคุณภาพ ทั้งจำนวนสิ่ง จำนวนครั้งและความถี่
ทำไม
ทำไมมันยังไม่พออีก
ทำไมเรายังทำหน้าที่ได้ไม่ดี ทำไมเราถึงยังไม่ยอมรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองแค่นี้ได้อีก
ไม่อยากกลั่นความคิดตัวเองเป็นคำพูดมาเยอะกว่านี้ ไม่อยากร้องไห้มีเสียง
Comments
Post a Comment