08.10
Long time no see
เป็นระยะเวลาเกือบเดือนได้แหนะ
จริงๆมีอีกตั้งหลายเรื่องที่คิดอยากเก็บไว้ได้เกิดขึ้นในระหว่างช่วงที่หายไปด้วย เป็นทั้งความทรงจำที่ดีมากๆและความทรงจำที่แย่มากๆเหมือนกัน ล่ะมั้ง?
เรื่องที่ดีและน่าพึงพอใจคือน้ำหนักลดลงไปถึง66.4แล้ว แต่ว่าช่วงปลายเดือน7ที่ผ่านมาเป็นทัวร์กินที่ระยอง แถมกลับมาก็เหมือนใช้ชีวิตกับกระเพาะที่ขยายแคปแล้ว ทำให้เผลอกินเยอะไปเกือบครึ่งสัปดาห์ แล้วไม่ทันไรที่พอจะminimizeแคปลงมาได้ ก็ดันไปกินเนื้อย่างต่อกับคุณยายและเจ้าชาย คิดว่าน้ำหนักก็คงขึ้นมาอยู่แถวๆ68...
จริงๆก็ไม่ควรเรียกว่าเจ้าชายเท่าไหร่หรอก เราไม่ได้เป็นเจ้าหญิงเขาแล้วนี่หน่า
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่หลังๆก็เหมือนรุ่นพี่จะสกินชิพบ่อยขึ้น แถมวันที่ไปกินเนื้อย่างกันหลังจากนึกคึกเดินมาถึงembassyเอาหัวโหม่งด้วย แบบนี้ยังไงก็ดีต่อใจแต่ก็อันตรายต่อใจเหมือนกัน T-T สำหรับวันที่ 3 ก.ค. เราก็ควรจะไล่คุณยายกลับไปกินข้าวที่หอจริงๆนั่นแหละ ใครจะนึกว่ารถติดเดินทางจากอนุสาวรีย์-เมืองเอกตั้ง3-4ชั่วโมงแบบนั้น
ส่วนเรื่องของช่วงนี้ ทั้งๆที่มีเรื่องอิ่มเอมอกอิ่มเอมใจก็เริ่มรู้สึกเหมือนโดนเมินหน่อยๆ ก่อนที่รุ่นพี่จะหายไปเพื่อเข้าโรงพยาบาลจริงจัง พวกเราเองก็ไม่นึกว่าเรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟังจะถึงกำหนดไวขนาดนี้ และอาจจะเพราะแบบนั้นเองเขาเลยไม่ได้บอกพวกเราอีกรอบในคืนก่อนไปโรงพยาบาล
ระหว่างนี้เองพวกเราก็มีส่งข้อความทักทายบ้างก่อกวนบ้าง แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆกลับมา ทั้งๆอย่างนั้นก็ตอบคนอื่นแบบcasuallyนิดหน่อย
ฟิลเตอร์ความรู้สึกแย่นิดๆที่เหมือนถูกเพิกเฉยนี่ต้องติดมาจากตอนยังเป็นเจ้าหญิงอยู่แน่ๆเลย
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "นี่เป็นเพราะว่าพวกเราเป็นเหมือนของตายหรือเปล่านะ เลยจะทำอะไรก็ได้" บวกกับเห็นภาพหลอนที่ทรอม่าพอสมควรระหว่างที่เป็นเจ้าหญิง ยกตัวอย่างเช่น Q: ทำไมช่วงนี้เมินหรือเลือกที่จะไม่ทักทายตลอดเลยล่ะ A;เพราะผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ /แต่ไม่รำคาญกับคนอื่นน่ะหรอ?
ถึงแม้การปรึกษากับลินซังจะช่วยให้ได้คำตอบและมุมมองอีกมุมที่ช่วยให้ใจเย็นลงหน่อย แต่ว่าก็ยังคงรู้สึกแย่พอสมควรอยู่ดี อย่างนี้ก็น่าจะยังคงแปลว่าชอบอยู่จริงๆนั่นแหละน้า TT
เป็นระยะเวลาเกือบเดือนได้แหนะ
จริงๆมีอีกตั้งหลายเรื่องที่คิดอยากเก็บไว้ได้เกิดขึ้นในระหว่างช่วงที่หายไปด้วย เป็นทั้งความทรงจำที่ดีมากๆและความทรงจำที่แย่มากๆเหมือนกัน ล่ะมั้ง?
เรื่องที่ดีและน่าพึงพอใจคือน้ำหนักลดลงไปถึง66.4แล้ว แต่ว่าช่วงปลายเดือน7ที่ผ่านมาเป็นทัวร์กินที่ระยอง แถมกลับมาก็เหมือนใช้ชีวิตกับกระเพาะที่ขยายแคปแล้ว ทำให้เผลอกินเยอะไปเกือบครึ่งสัปดาห์ แล้วไม่ทันไรที่พอจะminimizeแคปลงมาได้ ก็ดันไปกินเนื้อย่างต่อกับคุณยายและเจ้าชาย คิดว่าน้ำหนักก็คงขึ้นมาอยู่แถวๆ68...
จริงๆก็ไม่ควรเรียกว่าเจ้าชายเท่าไหร่หรอก เราไม่ได้เป็นเจ้าหญิงเขาแล้วนี่หน่า
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่หลังๆก็เหมือนรุ่นพี่จะสกินชิพบ่อยขึ้น แถมวันที่ไปกินเนื้อย่างกันหลังจากนึกคึกเดินมาถึงembassyเอาหัวโหม่งด้วย แบบนี้ยังไงก็ดีต่อใจแต่ก็อันตรายต่อใจเหมือนกัน T-T สำหรับวันที่ 3 ก.ค. เราก็ควรจะไล่คุณยายกลับไปกินข้าวที่หอจริงๆนั่นแหละ ใครจะนึกว่ารถติดเดินทางจากอนุสาวรีย์-เมืองเอกตั้ง3-4ชั่วโมงแบบนั้น
ส่วนเรื่องของช่วงนี้ ทั้งๆที่มีเรื่องอิ่มเอมอกอิ่มเอมใจก็เริ่มรู้สึกเหมือนโดนเมินหน่อยๆ ก่อนที่รุ่นพี่จะหายไปเพื่อเข้าโรงพยาบาลจริงจัง พวกเราเองก็ไม่นึกว่าเรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟังจะถึงกำหนดไวขนาดนี้ และอาจจะเพราะแบบนั้นเองเขาเลยไม่ได้บอกพวกเราอีกรอบในคืนก่อนไปโรงพยาบาล
ระหว่างนี้เองพวกเราก็มีส่งข้อความทักทายบ้างก่อกวนบ้าง แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆกลับมา ทั้งๆอย่างนั้นก็ตอบคนอื่นแบบcasuallyนิดหน่อย
ฟิลเตอร์ความรู้สึกแย่นิดๆที่เหมือนถูกเพิกเฉยนี่ต้องติดมาจากตอนยังเป็นเจ้าหญิงอยู่แน่ๆเลย
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "นี่เป็นเพราะว่าพวกเราเป็นเหมือนของตายหรือเปล่านะ เลยจะทำอะไรก็ได้" บวกกับเห็นภาพหลอนที่ทรอม่าพอสมควรระหว่างที่เป็นเจ้าหญิง ยกตัวอย่างเช่น Q: ทำไมช่วงนี้เมินหรือเลือกที่จะไม่ทักทายตลอดเลยล่ะ A;เพราะผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ /แต่ไม่รำคาญกับคนอื่นน่ะหรอ?
ถึงแม้การปรึกษากับลินซังจะช่วยให้ได้คำตอบและมุมมองอีกมุมที่ช่วยให้ใจเย็นลงหน่อย แต่ว่าก็ยังคงรู้สึกแย่พอสมควรอยู่ดี อย่างนี้ก็น่าจะยังคงแปลว่าชอบอยู่จริงๆนั่นแหละน้า TT
Comments
Post a Comment