[06.02]


วันนี้เป็นวันที่ eventful พอสมควรนะคะ เพราะงั้นคิดว่าคู่ควรแก่การบันทึก

เหตุการณ์สำคัญมีดังนี้ค่ะ

1. ตื่นมาช่วยกดบัตรคอนNCTให้เพื่อน

ปกติเรกวอร์ชิลมาก แต่เพราะที่นี่คือเน็ตบ้าน ชวดเลย แง5555 แต่ไม่เป็นไร จริงๆนี่ก็ครั้งแรกในการกดบัตรคอน เข้าใจและเห็นภาพรวมมากขึ้น ครั้งหน้าจะต้องสามารถกดบัตรคอนได้อย่างมีความหวังมากขึ้นแน่นอน

เพราะวันนี้มีนัดต่อ ตั้งใจจะไปเจอคุณ ม. หลังจากเขาลงเวร ก็เลยไม่สามารถช่วยกดยันเที่ยงยันบ่ายได้อย่างพนักงานเซเว่นที่มีไฟแรงกล้าล่ะ

2. บ่ายแจกขนมที่สยาม

เมื่อวาน (06.01) ทำ Banana shortbread ค่ะ บังเอิญมีสองล็อต ล็อตแรกเป็นวีแกน ใส่น้ำตาลทรายที่หวานมาก TT กับล็อตที่สองเป็นล็อตที่คุณแม่คะยั้นคะยอให้ใส่เนยเพราะรสนิยมที่คอนเวนชันนอลมากกว่า แต่ว่าใช้น้ำตาลมะพร้าวค่ะ (จู่ๆก็เฮลตี้เว้ย) ทำให้หวานน้อยกว่า

ค้นพบว่าหลังจากอบเสร็จแล้วคืนนึง เนื้อชอร์ตเบรดจะนุ่มลงค่ะ สูตรใส่เนยนี่จัดว่าค่อนข้างเละ ถ้าไม่เป็นเพราะ"เนื้อที่มีเนยเป็นตัวผสาน"ก็คงเป็นเพราะ"อบนานไม่พอ": แต่เอาจริงๆ เราคิดว่าเป็นเพราะข้อแรกมากกว่า เนื่องจาก 1.ล็อตนี้รีดบางกว่ามาก 2.อบด้วยอุณหภูมิและเวลาที่เท่ากันกับล็อตแรก

พบว่าก็มีทั้งคนที่ชอบแบบแรกและแบบสองล่ะ ดีจัง นึกว่าทุกคนจะชื่นชอบแต่แบบคอนเวนชันนอลซะแล้ว และมันก็ควรทานกับไอศกรีมจริงๆนั่นแหละ (กับตี้ในข้อที่ 3. )

3. กลับบ้านวิสต้าด้วยรถเมล์ในเวลาหลัง18.00เป็นครั้งแรก

หลังจากแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อน น. คุณ ค. น้อง คน. และ คุณ น.(ส.)ที่ร้านOmu เนื่องจากโดนล่อด้วยโปรโมชั่นท็อปปิ้ง 4 อย่างค่ะ แต่เห็นอย่างนี้ก็มีแค่ 2/5 ที่สั่งโปรนี้จริงๆ (และในบรรดาสองคนนั้น มีแค่เราที่ทานหมดค่ะ เอวัง แง5555555555)

ตอนแรกคุณ ม. ที่เวรวันนี้ค่อนข้างไม่ดีทำให้อยากใช้เวลาที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นน้อยๆมากกว่าเลยขอเลื่อนนัด แต่พอตกเย็นเหมือนจะเยียวยาตัวเองไปได้ระดับนึงแล้ว เราเลยปลีกตัวออกจากตี้ไปก่อกวนค่ะ 555555555555555 //นิสัยไม่ดี(?)

ระหว่างนี้ก็พาน้อง คน. ไปซื้อแอลด้วย ถึงตอนแรกจะอยากกินฟูลมูนแต่ที่อิเซตันไม่มีขาย(?)เลยเปลี่ยนเป็นเยลลี่สาเกแทนล่ะ ก่อนจะแยกย้ายกัน แล้วเราก็กลับมาแฮงก์เอ้าท์กับคุณ ม. เหมือนเดิม เดินเล่นต่อพารากอนดูรองเท้านิดหน่อยด้วยก่อนจะแยกย้ายเหลือตัวคนเดียวในเวลาที่ค่ำกว่าคาดมาก

และขอบคุณที่ตัวเองกลับช้านี่แหละ ทำให้ไม่ต้องเจอแรงปะทะที่เกิดขึ้น

4. เกมการเมืองในบ้าน

เรื่องโดยสังเขปคือพี่ชายที่กลับมาจากนอกบ้านเพื่อทานข้าวเย็นกับแม่และแฟนแม่ ได้บอกไว้แล้วว่า 'ขอไม่คุยเรื่องงาน*' แต่สุดท้ายบนโต๊ะอาหารก็เข้าเรื่องนี้กันจนได้ ด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายเลยเกิดความรุนแรงขึ้นพอสมควร (แต่ไม่ถึงกับทำร้ายร่างกายกัน) จบด้วยการที่พี่ชายขังตัวเองไว้ในห้อง ส่วนแฟนแม่ก็ต้องออกไปสนามบินเพื่อบินไปทำงานต่อที่อิตาลีค่ะ

เป็นครั้งแรก (หรืออาจจะหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาเท่านั้น...) ที่พี่ชายติดต่อขอให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ค่ะ หลังจากเซชชั่นนั้นเขาก็เก็บของและออกจากบ้าน ย้ายไปนอนที่คอนโดของเราแถวคลองสานแทน ซึ่งก่อนกำหนดย้ายกลับไปประมาณ 1 วันได้ค่ะ

หลังจากที่เราออกไปวิ่งและกำลังเลี้ยวกลับเข้าซอยของบ้านตัวเอง ก็ได้พบกับคุณพ่อและคุณอาที่มารับสัมภาระและจะ escort พี่ชายไปตลอดทางจากบ้านถึงคอนโดอย่างปลอดภัยค่ะ สิ่งที่น่าnotableวันนี้ก็คือคุณอาชมว่า "เรา(ฟัง?)ดูMatureมาก" แหละค่ะ ใจฟูขึ้นมา10%

---------------------------------------------------------------

**อธิบายเพิ่มเติม: บริษัทที่พี่ชายทำงานด้วยนั้น เป็นบริษัทย่อยซึ่งมีต้นทางจากบริษัท(อาจเรียกได้ว่านายทุนที่แท้ทรู)ที่ทำงานในฟิลด์สีเทา เผลอๆอาจจะมืด

จุดยืนของคุณแม่และแฟนเขา: เนื่องจากตอนนี้พี่ชายมีประวัติคดีอุบัติเหตุอยู่แล้วคดีหนึ่ง การเข้ามาเกี่ยวในองค์กรที่ประวัติการทำงานสีเทา(มืด)อาจส่งผลต่ออนาคตกว่าเดิม

จุดยืนของพี่ชาย: เข้าใจดีถึงสภาพและที่มาของเงิน และเนื่องจากการทำงานเป็นสัดเป็นส่วน รวมไปถึงหน้าที่ในงานที่เขาทำนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสีเทาของบริษัทต้นทาง การที่ถูกห้ามจนถึงขั้นเป็นDVและการเข้าไปถึงบริษัทส่วนที่พี่ชายทำเพื่อคุยกับบริษัท* เป็นการดูถูกเขาว่าเขาไม่มีความคิดในการแยกความผิดชอบชั่วดีค่ะ

ความเห็นเรา(แอบbiased): ว่าด้วยจุดยืน เราเข้าข้างพี่ชายค่ะ

เราว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ นายทุนที่มีเงินมหาศาลอาจได้ช่องทางการหาเงินมาจาก"ของสีเทา"ของกฏหมาย - ถ้าหากคุณแม่และแฟนของเขาตั้งใจและยึดด้วยหลักนี้จริงๆ อาจจะเป็นการห้ามไม่ให้พี่ชายเข้าทำงานกับบริษัทใหญ่ๆเลยด้วยซ้ำ! เราเลยคิดว่าคุณแม่และแฟนออกจะใช้ชีวิตด้วย"อุดมคติที่ถูกเขียนในหนังสือโดยกระทรวง"มากๆเพื่อความสบายใจของตัวเองเกินไปค่ะ; พวกเขาอาจจะเห็นการกระทำนี้ของพี่ชาย > ชวนให้นึกถึงความผิดพลาดของตัวเองในอดีตที่ไม่อยากนึกถึง > นั่งนิ่งดูดายไม่ได้ > took quite perilous action; ถึงจะเข้าใจที่มาที่ไปแค่ไหน แต่เราก็ยังคงรู้สึกว่าไม่ควร และเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องในการรับมือกับคนที่คุณก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่ชอบคุณ

เราเห็นด้วยกับการที่พี่ชายจะรู้สึกเหมือนโดนดูถูก "ว่าเขาไม่มีความคิดในการแยกความผิดชอบชั่วดี" ค่ะ - ยังรวมไปถึงการทรีตต่อเขาเหมือนว่าเขาเป็นเด็ก สอนแต่อะไรสีดำ-ขาว; โลกนี้อาจจะมีสิ่งที่ขาวที่สุดและดำที่สุด แต่สีเทายังมีตั้งหลายเฉดด้วยซ้ำ แค่จะขาว-ดำเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต่อกัน

จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของพี่ชาย โดยเฉพาะจาก (*) นั้น คุณแม่ได้เข้ามาขัดขวางโอกาสของพี่ชาย โดยเข้าไปคุยกับassociated third partyอย่างพลการ และไม่ปรึกษาพี่ชายที่เป็นคนได้รับผลกระทบที่สุด จนเกิดผลอย่างใหญ่หลวงอยู่ 2 ครั้งค่ะ - ทั้ง 2 ครั้งนั้นทำให้พี่ชายโกรธแค้นคุณแม่มาก แล้วการกระทำ (*) ในช่วงที่เขาไม่อยู่ไทยย่อมทำให้รำลึกทั้ง 2 ครั้งที่เปลี่ยนชีวิตเขาค่ะ จนเกิดครั้งที่ 3 แล้วแบบนี้ พี่ชายและเรา imply ว่า "She hasn't learned a lesson, even after bunches of events". Statistically, we could predict that she will not learn any lesson either. That's why we concluded she doesn't deserve any further chances. 

เหมือนว่าทั้งสองฝ่ายมีไวยากรณ์ทางความคิดที่ต่างกันเกินไปค่ะ ฝั่งแม่ยังไม่ยอมปรับความคิดเข้าหานักตามประสาของคนรุ่นเก่า และพวกเราที่เป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่สุดยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้เลยในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นก็สมเหตุสมผลพอที่ "พี่ชายจะตัดสินใจ ไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก"

ถึงเราจะคิดว่าคุณแม่ทำตัวเอง แต่เราคิดจริงๆนะคะ ว่าถ้าหากคุณแม่ได้รับสิ่งที่อยากได้รับซึ่งก็คือการมีชีวิตอย่างครอบครัวในหนังสือที่ถูกเขียนโดยกระทรวงแล้วจะตายตาหลับ เราจะเป็นคนมองสิ่งนั้นให้เองค่ะ สำหรับคนที่เกิดมาแบบไม่ได้รับความรัก ประสบการณ์ชีวิตสอนให้รู้จักความรักที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้แสดงออกถึงความรักที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังต้องตายโดยไม่ได้รับความรักเนี่ย เป็นสิ่งที่เหงาและเศร้าเหลือเกิน

เพราะฉะนั้น ให้มันจบที่เรา ซึ่งตอนนี้เหมาะที่สุดในหลายๆด้าน น่าจะดีที่สุดแล้วค่ะ

Comments

Popular posts from this blog

[Theory] Royal Scandal Vocaloid(?) Series [TH]

SWEET HURT - ReoNa [English & Thai Translation]

[Shoujo☆Kageki Revue Starlight]RE:CREATE lyrics[แปลไทย]