[OC] M+J [Fiction]


(1)
                “เอ๋ จัสติน ขาเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?!”

                “หะ?”

                “ก็ เห็นวันนี้เดินกะเผลกๆ”

                “..ใช่หรอ ไม่มั้ง เนี่ย ไม่มีแผลอะไรนะ” 

                มาร์คัสสังเกตมาสักพักแล้ว ว่าพยาบาลหนุ่มเอเชียนที่ประจำอยู่คลินิกโรคทางระบบประสาทอยู่หน้าห้องตรวจของเขานั้นมีอะไรประหลาดๆอยู่ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจดักฟังนี่ด้วย เสียงบทสนทนาของพยาบาลหญิงกับพยาบาลหนุ่มคุยกันแค่ลอยเข้ามาผ่านโสตประสาทเขาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น

                “เดี๋ยวหมอพาไปCT Scanดีมั้ยเอ่ยครับ?”

                “ว้าย คุณหมอโวค สวัสดีค่า”

                สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องโพล่งเข้าไป และพยาบาลหนุ่มคนนั้นก็เหมือนจะมองด้วยสายตาเคลือบแคลงใจพอสมควร “ X rayก็พอมั้งครับหมอ แต่มัน..”

                “มันน..?”

                “มันไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายแล้ว ผมขอโทษที่มาชวนพี่เคทคุยฮะ เดี๋ยวกลับไปประจำเคาท์เตอร์แหลว...”

                “อุ่ย ขอโทษแทนน้องลีด้วยนะคะหมอ”

                “หืมม? ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องเขาไม่ได้เสียมารยาทอะไรนี่หน่า” แต่ที่สายตามองไปทางจัสตินไม่หยุดก็เป็นเพราะว่าเรื่องที่คาใจอย่างอื่นต่างหาก


(2)
               เป๊าะ

               เป๊าะ

               “ว เหวอ?! หมอโวค?! มีอะไรหรือเปล่าครับ?!

               “เอ๋ ไม่ได้ยินหรอกหรอเนี่ย น่าสนใจๆ” มาร์คัสยิ้มขำมองปฏิกิริยาพยาบาลหนุ่มตรงหน้าที่แทบจะสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงดีดนิ้วของคุณหมอที่ข้างหูซ้ายของเขา

               ..ทั้งๆที่ก็ดีดเหมือนกันกับข้างขวาในรอบแรก มาร์คัสมั่นใจด้วยว่าดังเท่ากัน

               “เราปกตินอนตะแคงใช่มั้ยครับเนี่ย?”

               “เอ่อ ก็ใช่ครับ ว่าแต่ เรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกันหรอครับ” จัสตินเอียงหน้าให้คุณหมอโดยที่สายตายังจับจ้องคู่สนทนาอยู่ ทั้งที่ปกติเวลาสนทนาเขาก็หันหน้าตรงตาสมกันได้ปกติดี หมอไม่ได้ตั้งใจสังเกตขนาดนั้นหรอกแต่วันนี้เขาเป็นอย่างนี้กับทุกคนที่เขาคุยด้วยเลย

               “หืม~ เปล่าครับ ^^ หมอแค่สงสัยว่าเราจะตกหมอนหรือเปล่า ฮะๆ”

               จัสตินหน้าขึ้นสีหน่อยนิดนึง เหมือนเขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอเอียงหน้าเพื่อให้หูซ้ายรับเสียงจากคู่สนทนาได้ชัดเจนมากขึ้น “อ เอ่อ ข ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงครับ?!

               การที่จัสตินใช้นิ้วคลึงๆหูขวาเขาก็ยิ่งทั้งยืนยันข้อสงสัยและข้อสันนิษฐานคุณหมอเข้าไปอีก

               “ขา หายดีแล้วเนอะ?”

               “ไม่หายดีครับ ไม่ได้เป็นอะไรแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก”

               อื่อฮึ หมอก็สังเกตแล้วล่ะ วันนี้เดินปกติดี

               “อย่างนั้นหรอ ดีแล้วล่ะ”




(3)

               วันนี้คุณหมอมาร์คัสได้ยินเรื่องมาจากพยาบาลหญิงขาเมาท์ประจำคลินิกแล้ว ว่าพยาบาลสาวน้องเล็กสุดของแผนกวันนี้ได้รับการสารภาพรักจากพยาบาลแผนกอื่นมา และในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งมีพยาบาลอีกคนในแผนกอีกเช่นกันได้รับการขอหมั้นหมาย ไม่นับเจ้าหน้าที่บางคนอีกนะ

                บรรยากาศในคลินิกวันนี้ดูสดใสขึ้นเพราะสีหน้าและท่าทางของพยาบาลและเจ้าหน้าที่อินเลิฟภายในคลินิกนี้ แต่คนเดียวที่ดูขัดบรรยากาศเห็นมีแต่จะเป็นพยาบาลหนุ่มประหลาดๆคนนั้น 

                “หน้ามุ่ยเชียวนะครับพยาบาลลี”

                “หรอครับ... ไม่ต้องเทสกับผมนะ ผมหน้าบึ้งด้วยเจตจำนงผมเอง”

                “แหม กำลังจะขอให้ลองยิ้มกับทำแก้มพองๆเลย”

                “อันนั้นไม่ต้องเทสก็ยิ้มให้ก็ได้ครับ” แล้วจัสตินก็คลี่ยิ้มเบาๆให้ก่อนจะกลับไปหน้ามุ่ยต่อ ถ้าให้เดา สาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องบรรยากาศอินเลิฟนีแหละนะ “แล้วก็ผมโตแล้วด้วย! ไม่พอใจอะไรก็ไม่พองแก้มหรอกนะ แต่บอกไว้ก่อน ปกติดี”

                มาร์คัสผ่อนลมหัวเราะเบาๆ น่าเอ็นดูจริงๆ “จริงสิ เราลงเวรเมื่อไหร่ครับ?”

                “ผมหรอ? วันนี้เวรเช้าตามปกติ 16.00ก็ลงแล้วครับ คุณหมอมีธุระอะไรหรือเปล่า?”

                “อยากพาไปเลี้ยงข้าวน่ะ ย้อมใจหนุ่มโสด”

                จัสตินถึงกับถลึงตาใส่นิดหน่อย

                “ใจเย็นครับ หมอหายถึงย้อมใจตัวเองน่ะ ฮะๆๆ ^^+

                คู่สนทนาของเขาขมวดคิ้วแล้วก็ถอนหายใจ “ไปชวนพยาบาลสาวๆก็ได้นี่ครับ น่าจะตรงเทสต์คุณหมอมากกว่านะ”

                “เอ๋ แต่หมออยากรู้จักเรานี่หน่า คุณพยาบาลลี”

                มาร์คัสได้รับสายตาไม่ไว้วางใจอีกครั้ง
 
                “ไม่ได้หรอ ^^

                “..เฮ่อ ครับๆ” บุรุษพยาบาลหันหน้าหนี “เริ่มต้นที่เรียกผมว่าจัสตินก็แล้วกัน”


(4) 
 
                “หมอมาช้านะครับ” 

                เสียงตักเตือนของจัสตินมาพร้อมกับการสายตามองค้อน

                “แหม ขอโทษครับพ่อหนุ่ม ติดคอนซัลต์นี่หน่า”

                จัสตินตอนนี้แต่งตัวเหมือนชายหนุ่มทั่วไป ที่ไม่น่ามาใช้ชีวิตแบบใช้เวรใช้กรรมที่โรงพยาบาลเลย จริงๆก็ออกจะดูดีด้วยซ้ำ จับปัดฝุ่นมากกว่านี้ก็เดบิวต์เป็นศิลปินไอดอลได้สบายๆ

                “แล้ว พวกเราจะไปทานอะไรที่ไหนกันล่ะครับเนี่ย?”

                “เดี๋ยวหมอเฉลยทีเดียวครับ

                คู่สนทนาถึงกับมุ่ยปากหน่อยๆ “คาดหวังนะครับหมอ :V

                “ถ้าไม่อร่อยเดี๋ยวให้ตีเลยครับ ไว้ใจได้ ^^” ว่ากันตามตรง ร้านที่เขาตั้งใจจะพาไปก็เป็นร้านที่เขาไม่เคยไปด้วยซ้ำ “ปะ หมอจอดรถไว้ชั้นใต้ดิน”


               “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!”

                มาร์คัสดื่มเบอร์เบิ้นออนเดอะร็อคยังไม่ทันหมดแก้วแรกเลย เขาก็ได้แต่มองคนที่นั่งตรงข้ามเขาที่ดื่มแบบเพียวเข้าไปประมาณแก้วครึ่งแล้ว... ซึ่งนั่นก็อธิบายพฤติกรรมของจัสตินตอนนี้ได้ดี

                “ให้ตายสิ ความรักเส็งเคร็ง พวกคนมีคู่ ผมล่ะอยากอัดคลิปตอนที่พวกนี้เพ้อรักมากๆแล้วเปิดให้พวกเขาดูตอนกำลังร้องไห้เพราะทะเลาะกับแฟนจริงๆ!”

                “ขี้อิจฉานะเนี่ยเรา”

                “ม่ายยยยยยยยย! ใครขี้อิจฉากัน?!

                ต้องขอบคุณที่เขาเลือกโต๊ะในมุมที่ไม่ค่อยมีคน ถึงเขาจะคาดสถานการณ์คร่าวๆมาแล้วว่ามีโอกาสที่จะดัง แต่ไม่นึกว่ามันจะอยู่ในกรณีนี้จริงๆ “ครับๆ คนเมาไม่พูดโกหกหรอก หมอเชื่อเราละกัน^^

                “เฮ่อออออ บางทีผมก็คิดนะ! ผมอะ เป็นคนที่ฝันอะไรตื่นมาก็เป็นงั้นไง!

                คุณหมอยกยิ้มให้แล้วตั้งใจฟังอีกฝ่ายมากขึ้นทันที นี่คงเป็นประเด็นที่เขารอคอยจะได้ยิน “เห~ จริงหรอ ยังไงๆ เล่าให้หมอฟังหน่อยครับ”

                “วันที่หมอดีดนิ้วข้างหูผมอะ คืนก่อนหน้าผมฝันว่าโดนคนยิงปืนข้างหูซ้ายผม! เอ้ย หรือขวาวะ นึกแปป” จัสตินเอาหน้าที่แดงกำซุกลงไปที่ฝ่ามือตัวเอง น้ำเสียงตอนนี้ยวบยาบสุดๆ “เอ้อ ขวา ไม่ดิ สักข้างนั่นแหละ! แล้วมันเสียงดังมากจนตกใจตื่น แล้วเช้าวันนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรจากหูข้างนั้นเลย แถมยังมีเสียงอื้ออึงอยู่เรื่อยๆอีกต่างหาก ก็เลยเนี่ย เอียงคอเงี่ยหูฟังมันทุกคนเลย โคตร เมื่อย!

                สาเหตุนี่เกินจากสันนิษฐานของนพ.มาร์คัสอย่างมาก ความฝันเนี่ยนะ? “แน่ใจนะว่าไม่ได้ละเมอ... เอ่อ.. นั่นสินะ” ทันทีที่ความคิดของเขาไล่ไปถึงข้อสรุปในหัวได้ก่อนประโยคเขาจะจบก็ปิดปากด้วยการจิบเบอร์เบิ้นอีกหนึ่งอึก

                “ฮืออออ เนี่ย คิดดูนะ ถ้าผมฝันว่าผมมีคนรักอะ ผมตื่นขึ้นมาก็จะมีคนรักป่าววะ อยากมีบ้างอ่า ขนาดร่างกายผมยังเป็นแบบนี้เลย” จัสตินมีการชกอกตัวเองหน่อย ก่อนจะเริ่มหน้าฟุบโต๊ะแล้วร้องไห้

                มาร์คัสถึงกับต้องย้ายฝั่งไปนั่งข้างๆแล้วไปลูบๆไหล่คนที่จบการdiningตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งจานดี (ซึ่งเขาเองก็กินไม่หมดเช่นกัน..) 

อย่างไรก็ตาม นับว่าน่าสนใจมากๆ เขาล่ะอยากจะตรวจEEGไปสแกนหัวของจัสตินตอนหลับฝันไปจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นพ.มาร์คัส โวค

จัสติน ลี

 

Comments

Popular posts from this blog

[Theory] Royal Scandal Vocaloid(?) Series [TH]

SWEET HURT - ReoNa [English & Thai Translation]

[Shoujo☆Kageki Revue Starlight]RE:CREATE lyrics[แปลไทย]